


ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยมีความสำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และยุทธศาสตร์ โดยประชากรส่วนใหญ่มีอาชีพทางด้านเกษตรกรรม การผลิตทางด้านเกษตรกรรมส่วนใหญ่ยังคงเป็นกระบวนการผลิตแบบเก่า อาศัยธรรมชาติเป็นหลัก ทำให้ประสิทธิภาพ คุณภาพ และปริมาณของผลผลิตอยู่ในเกณฑ์ต่ำและไม่แน่นอน การใช้และการจัดการทรัพยากรน้ำและดินยังขาดหลักวิชาการ การใช้และการพัฒนาเครื่องจักรกลเกษตรเพื่อช่วยทุ่นแรงและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตยังมีน้อย โดยเครื่องจักรกลเกษตร ซึ่งเป็นวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว จะช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการผลิตการเกษตรทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ช่วย ลดต้นทุนการผลิต ลดความสูญเสีย และเพิ่มมูลค่าของผลผลิตด้านการเกษตร จากประเด็นดังกล่าว ภาควิชาวิศวกรรมเกษตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงได้ร่วมกับศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว ศูนย์วิจัยเครื่องจักรกลการเกษตรและวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นเจ้าภาพ ขึ้น โดยความร่วมมือกันของมหาวิทยาลัย 4 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 13-14 กรกฎาคม 2560 โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.อภิรัฐ ศิริธราธิวัตร คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ กล่าวเปิดงาน และผศ.ดร.สมโภชน์ สุดาจันทร์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเกษตร ประธานอำนวยการจัดงานฯ เป็นผู้กล่าวรายงาน
ศ. ดร.อภิรัฐ ศิริธราธิวัตร คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า งานด้านวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยวในปัจจุบัน มีความสำคัญต่อการพัฒนาภาคเกษตรกรรมของประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำความรู้ หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการผลิต ตลอดจนการแปรรูปผลิตผลเกษตรให้มีมูลค่าสูงขึ้น โดยเน้นถึงคุณภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภคแทนการจำหน่ายในสภาพวัตถุดิบโดยตรง วิทยาการดังกล่าวนี้หากนำมาปฏิบัติจนได้ผลอย่างจริงจังแล้ว ก็เป็นที่แน่นอนว่าเกษตรกรรมของประเทศจะต้องเจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็วสามารถหารายได้เข้าประเทศอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งสามารถยืนหยัดอย่างมั่นคงได้ด้วยตนเอง และสามารถแข่งขันกับนานาชาติได้ การดำเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังที่กล่าวมานี้ นอกเหนือจากเป็นภาระของหน่วยต่างๆ ของภาคราชการและเอกชนแล้ว หากมีหน่วยงานหรือองค์กรอิสระทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการประสานงานและรวบรวมผู้มีศักยภาพ ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์จากทั่วประเทศ มาร่วมสร้างสรรค์ คิดและทำงานร่วมกันก็จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศอย่างมาก จึงเป็นที่น่ายินดีที่ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวซึ่งประกอบด้วย หน่วยงานร่วมจากมหาวิทยาลัยของรัฐทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมกับศูนย์วิจัยเครื่องจักรกลเกษตรและวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว ภาควิชาวิศวกรรมเกษตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เล็งเห็นความสำคัญ และมีบทบาทที่สำคัญในแนวทางดังกล่าวนี้ ซึ่งทราบว่าได้มีการจัดประชุมลักษณะนี้ต่อเนื่องทุกปี เพื่อเป็นเวทีให้นักวิชาการและผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรกรรม ได้มีการถ่ายทอดความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ตลอดจนความคิดเห็นและแนวทางดำเนินงานอันจะส่งผลให้มีการพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานวิชาการ ด้านวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อก่อให้เกิดการนำไปใช้งานในทางปฏิบัติเพื่อพัฒนาประเทศ “ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการประชุมวิชาการในครั้งนี้ ซึ่งครอบคลุมทั้งวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว ด้านความปลอดภัย ด้านชีวภาพ ด้านโลจิสติกส์ และด้านเครื่องจักรกลเกษตร จะก่อให้เกิดความเชื่อมโยงและเครือข่ายในการดำเนินงานร่วมกันเพื่อพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว ให้สามารถนำไปใช้งานได้ในทางปฏิบัติเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ” ศ.ดร.อภิรัฐ กล่าว
ผศ.ดร.สมโภชน์ สุดาจันทร์ ประธานอำนวยการจัดงานฯ กล่าวว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องมีพัฒนาการที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้สามารถยืนหยัดอย่างแข็งแกร่งได้ด้วยตนเองและสามารถเทียบเคียงกับประเทศที่พัฒนาแล้ว สิ่งหนึ่งเป็นที่สังเกตได้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ภาคเกษตรกรรมของประเทศที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้และช่วยค้ำจุนประเทศ ไม่ว่าในยามวิกฤตหรือยามปกติ และจะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีการแข่งขันอย่างสูงในการนำรายได้เข้าประเทศโดยพึ่งพาการส่งออกผลิตผลทางการเกษตร ซึ่งตลาดโลกขณะนี้เน้นความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ ดังนั้นการได้มาซึ่งผลิตผลดังกล่าวจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย โดยเฉพาะในกระบวนการของวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญชองการมุ่งผลิตเพื่อให้ได้คุณภาพและมีความปลอดภัยต่อการบริโภค ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ศูนย์นวัตกรรม